เลือกฉีดโบท็อก อุดร ที่ไหนดีที่จะทำให้โบท็อกสลายช้าที่สุด

หลังฉีดโบท็อก อุดร ที่ไหนดีในแต่ละบริเวณ ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง หลังจากฉีดเสร็จทั้งหมด ควรบริหารกล้ามเนื้อทั้งหมดที่ฉีดเป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้โบท็อกถูกเซลล์ประสาทดูดเข้าไปให้มากที่สุด เหลือส่วนที่จะปลิวไปน้อยที่สุด แต่ช่วงหลังฉีดที่ขยับกล้ามเนื้อ ก็ไม่ควรประคบเย็นเพราะจะขัดขวางการดูดโบท็อกเข้าเซลล์ประสาท

แต่หลังจากนั้นให้พยายามเปลี่ยนนิสัยในการขยับกล้ามเนื้อจุดนั้น ๆ ให้น้อยลง เช่น พยายามไม่เคี้ยวอาหารเหนียว ๆ โดยไม่จำเป็น เพราะการที่เรากระตุ้นกล้ามเนื้อบ่อย ๆ จะทำให้เซลล์เส้นประสาทงอกขึ้นมาใหม่ได้ ถึงแม้โบท็อกจะยังไม่หมดฤทธิ์เซลล์ประสาทที่งอกมาก็จะสามารถขยับกล้ามเนื้อได้ อีกทั้งการขยับกล้ามเนื้อยังเพิ่มการไหลเวียนกระแสเลือดในบริเวณนั้น ๆ ทำให้โบท็อกส่วนที่ 1 ที่ถูกเก็บไว้ในเซลล์ประสาท สลายไปได้ไวขึ้น

กล้ามเนื้อที่ไม่ได้ใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ เมื่อเวลาผ่านไปขนาดกล้ามเนื้อจะเล็กลง และกลับมาทำงานได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้น แต่ถ้ากล้ามเนื้อถูกกระตุ้นให้ใช้งานบ่อย เช่น ยิ้มบ่อย เลิกคิ้วบ่อย (มักพบในคนที่เล่นสนุกเกอร์หรือเคี้ยวอาหารเหนียว ๆ นาน ๆ โดยไม่จำเป็น กล้ามเนื้อก็จะแข็งแรงขึ้นและทำให้โบท็อกอยู่ได้สั้นลง

หลังฉีดโบท็อก ควรงดนอนราบ 3 ชม. หลังฉีดโบ หน้าบวมได้เป็นอาการหลังฉีดโบท็อก อุดร ที่ไหนดีที่พบได้เป็นปกติ ให้ดูแลตัวเองโดยอย่าแกะเกานวดบริเวณที่ฉีด รวมทั้งงดการก้มหัวลงต่ำกว่าระดับหัวใจเพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนมาที่หน้าเยอะขึ้น โบท็อกจะปลิวไปเยอะขึ้น

สำหรับโบท็อกส่วนที่ 1 ที่อยู่ในเซลล์ประสาท ทำหน้าที่ยับยั้งกล้ามเนื้อ จะต้องใช้เวลา 7-14 วัน กว่าที่จะเริ่มเห็นผลการยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ และความเข้มข้นของโบท็อก จะค่อย ๆ ลดลงตามเวลา ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โบท็อกย่อยสลายไวขึ้น คือ ความร้อน และการไหลเวียนของเลือด (Metabolism)

ในงานวิจัยพบว่าการกินแร่ธาตุ zinc 50 mg ก่อนและหลังการฉีดโบท็อก อุดร ที่ไหนดีช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวขึ้น ออกฤทธิ์ดีขึ้น การกินแร่ธาตุ zinc ช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้น แต่ในบางเคสก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงของโบท็อกได้มากขึ้น เพราะเสริมฤทธิ์รุนแรงเกินไป ดังนั้นในการกินธาตุสังกะสีปริมาณมาก ๆ จึงแนะนำให้กินตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น ส่วนมากจะใช้ในเคสที่มีอาการขาดแร่ธาตุสังกะสีชัดเจน หรือเคสที่เริ่มดื้อโบท็อก (อาการคือฉีดแล้วอยู่ได้ไม่นาน) เท่านั้น

แต่หากกินจากอาหารหรือกินในปริมาณปกติตามที่ Thai RDA กำหนด คือไม่เกิน 15-20 mg/วัน ก็สามารถกินเสริมได้ปกติ ในคนที่สังเกตตัวเองว่ามีอาการขาดธาตุสังกะสี เช่น ผมร่วงแตกปลาย, เป็นแผลเรื้อรัง, ผิวแห้งลอก, เป็นผื่นง่าย, เล็บแห้งเปราะหักง่าย แนะนำให้กินก่อนหรือหลังฉีดโบท็อกได้จะช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้น