เลือกทำประกันรถยนต์แบบไหนดี

หลายๆท่านคงเคยรู้จักในเรื่องของประกันชีวิตมาบ้างแล้ว ประกันชีวิตมีด้วยกันหลายประเภทเช่น ประกันออมทรัพย์ ประกันเกษียณอายุ ประกันสุขภาพ ฯ ซึ่งประกันเหล่านี้จะคุ้มครองและให้การชดเชยต่อเมื่อผู้เอาประกันเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวที่ระบุไว้ในกรรมธรรม แต่มีประกันอีกประเภทที่เป็นที่สำคัญไม่แประกันชีวิตเลยก็คือ ประกันรถยนต์
ประกันรถยนต์เป็นประกันประเภทที่คุ้มครองรถยนต์ของท่าน ตัวผู้ขับขี่รถยนต์และรถยนต์ของคู่กรณี(ในบางแผนของประกัน)ในขณะที่เกิดเหตุการณ์ชนกันขึ้นมา ผู้ทำประกันสามารถใช้สิทธิ์การซ่อมบำรุงตามแผนการประกันที่ท่านได้ทำเอาไว้ ก่อนเราซื้อประกันควรเช็ครายละเอียดกับทางผู้ขายประกันรถยนต์ในเรื่องของขอบเขตการชดเชยให้ดีว่าเป็นประกันชั้นไหนและคุ้มครองในรูปแบบใดบ้าง ซึ่งในกรณีที่เป็นประกันชั้น 1 ปกติผู้ที่ซื้อรถยนต์ใหม่ป้ายแดงจะมีการทำประกันชนิดนี้ให้เราตั้งแต่แรกในราคาที่ถูกกว่า เนื่องจากทางบริษัทที่ขายรถยนต์มีการจัดแคมแปญร่วมรายการกับประกันเจ้าดังกล่าวเราจึงจ่ายเบี้ยในราคาที่ไม่แพง แต่กรณีถ้าเรามาซื้อแยกในภายหลังจะมีราคาที่แพงกว่าเดิมไม่มากนัก ซึ่งถ้าใครที่ไม่ต้องการประกันที่ติดมากับรถตั้งแต่ครั้งแรกก็อาจจะเจรจากับทางพนักงานได้
ประกันชั้น 2 จะให้ความคุ้มครองรถยนต์ของฝั่งตรงข้ามในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ชน แต่ไม่คุ้มครองรถยนต์ของเรา นอกจากนี้ยังคุ้มครองในกรณีเกิดเหตุไฟไหม้ หรือรถยนต์ถูกการโจรกรรมอีกด้วย ประกันประเภทนี้เบื้ยประกันจะถูกกว่าประกันชั้น 1 ก็จริงแต่อย่าลืมว่าในกรณีที่เกิดเหตุการชนกันรถเราไม่ได้รับการชดเชยจึงทำให้เราต้องเสียค่าซ่อมเองในส่วนนี้ด้วย
ประกันชั้น 3 คล้ายๆกับประกันชั้น2 ให้ความคุ้มครองฝั่งตรงข้าม แต่ไม่คุ้มครองรถของผู้ทำ โดยส่วนมากแล้วประกันประเภทนี้จะเป็นที่นิยมกันในผู้ที่ใช้รถเก่า หรือไม่ค่อยได้นำรถออกมาขับขี่ ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจึงมีน้อย ทำให้ประกันประเภทนี้มีราคาถูก ในการทำประกันผู้ขายประกันรถยนต์จะขอข้อมูลของเราต่างๆ เช่น ใบขับขี่ บัตรประชาชน รูปเล่มของรถในกรณีที่รูปเล่มเราอยู่ไฟแน้นสามารถใช้สำเนาเอกสารแทนได้
ยังมีประกันชั้นอื่นอีกหลายชนิดแต่ละชนิดมีความคุ้มครองที่แตกต่างกันเล็กน้อยเช่นประกัน 2พลัส หรือประกัน 3พลัสที่เป็นที่นิยมเนื่องจากราคาไม่แพงแต่อาจจะจำกัดในเรื่องของความคุ้มรองหรือทุนประกัน หากเรามีความต้องการจะทำประกันรถยนต์ควรศึกษาหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตหรือสอบถามกับทางผู้ขายประกันรถยนต์โดยตรงเลยก็ได้เช่นกัน